อยู่ๆก็กลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือไปละ
คนเราถ้ามันไม่เชื่อใจกันแล้ว พูดอีกกี่ครั้งมันก็คงไม่เชื่อใช่มั้ย เราเองก็ไม่มีแรงจะพูด
ความรู้สึกหมดใจ ทั้งๆที่เราเชื่อใจและไว้ใจเขามาโดยตลอด แต่ผลสุดท้ายเค้าก็ไม่เชื่อใจเรา
เราน่ะถ้าพูดคำสัญญากับใครไปแล้ว เราไม่มีทางที่จะผิดคำสัญญาแน่นอน กล้าที่จะเอ่ยคำสัญญา
นั่นก็เท่ากับเราพร้อมที่จะทำตามในสิ่งที่เราพูด ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ถ้าเราสัญญาไปแล้ว
เรารักษาสัญญานะ ไม่ว่ากับใครก็ตาม แล้วทำไมอยู่ๆกลายเป็นไม่เชื่อในสิ่งที่เราพูด
ทั้งๆที่สัญญามันยังไม่หมดอายุด้วยซ้ำ? ผิดหวังนะ เจ็บใจด้วย เราเชื่อใจเค้า ไว้ใจ
สิ่งดีๆมากมายที่รู้สึก มันก็ยังคงรู้สึกเสมอ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราจะได้สิ่งเหล่านั้น
กลับมาใช่มั้ยล่ะ...
ฉันคิดผิดเอง คิดผิดมาตลอดจริงๆ คำพูดในวันนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกหมดใจ เสียใจ...
ฉันคิดมาตลอดว่าการคบกันแบบผิวเผินมันเป็นสิ่งที่แย่และฉันไม่ต้องการ
แต่ตอนนี้ต่อให้คบกับใครก็ตามแบบจริงๆจังๆจะในฐานะอะไรก็ตามแต่ ฉันเริ่มไม่มั่นใจแล้วล่ะ
บางทีรู้จักกันแบบผิวเผินมันก็อาจจะดีกว่า ที่ต้องมานั่งเจ็บใจว่า คนที่มันรู้จักเรามานานๆ
ผลสุดท้ายมันก็มองเราไม่มีค่าอะไร ตัดสินเราไปแล้วทุกอย่างและไม่ได้รู้จักอะไรเราเลย...
คนเรามันไม่ได้ต้องการอะไรมากมายหรอกในชีวิต สิ่งนอกกายทั้งหลายที่ต้องการน่ะ ผลสุดท้ายสิ่งที่ต้องการจริงๆมันก็คือการเชื่อใจใครสักคนและคนๆนั้นก็เชื่อใจเรา มันยากไปเหรอกับการจะไว้วางใจใครสักคนโดยที่ไม่ต้องมีข้อสงสัยอะไรในตัวเขา เราจะรักใครไม่ได้เลยเหรอ
โดยที่ไม่ต้องมีข้อแม้อะไร มันยากเกินไปใช่มั้ยกับทิฐิของแต่ละคน ที่พอเอาเข้าจริงๆแล้ว
มันก็ไม่ได้อยากให้ใครได้ดีไปกว่าตัวเอง
ฉันเคยมองว่าปัญหาของฉันมันยากจริงๆ ฉันจะผ่านมันไปได้ยังไงกับความรู้สึกแบบนี้
เพราะความคิดแบบนี้ในที่สุดฉันมันก็กลายเป็นแค่คนเห็นแก่ตัว ที่คิดว่าปัญหาตัวเองแย่ที่สุด
มันน่าสมเพศเหมือน กันที่ฉันเคยคิดแบบนั้น! และต้องการให้คนเหล่านั้นมาเห็นใจ แต่ไม่แล้วล่ะ ถ้าคนที่ฉันต้องการให้เห็นใจ มันก็คือตัวของฉันเองนี่ล่ะ ที่จะเห็นใจตัวเอง และรีบเยียวยารักษาตัวเองให้ได้ไวที่สุด
และทุกครั้งที่เกิดปัญหา บทเรียนสารพัดที่สอนฉันมาจนฉันอายุเท่านี้แล้วคืออะไร...
ฉันคิดออกเพียงแค่เวลา...นอกจากเวลาเท่านั้นจริงๆที่ช่วยเยียวยาให้ฉันผ่านมันไปได้
และไม่มีใครที่จะช่วยเหลือเราได้ดีเท่าตัวของเราเอง
ฉันคิดมาตลอดว่าการถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนแบบนี้ แบบนั้น มันเป็นเรื่องที่แย่จริงๆ ฉันจะหงุดหงิดทุกครั้งที่ถูกเข้าใจผิด แต่พอมาคิดว่าคนพวกนั้นไม่ได้รู้จักฉันดีพอ มันก็ทำให้ฉันคลายความโกรธลงไปได้บ้างแต่มันก็ไม่ทั้งหมด ก็ในเมื่อไม่ได้รู้จักฉันดีพอ ทำไมถึงกล้าคิดไปได้ถึงขนาดนั้น? มันเป็นสิ่งที่คิดไปคิดมาแล้วก็ไม่วายกลับมาหงุดหงิดและโมโหอีกจนได้...จนต้องเอาปัญหาบ้าบอไปลองถามคุณพ่อดู คุณพ่อบอกว่าเราไปยึดติดกับคำพูดของคนมากไป คนมีปาก ร้อยพ่อพันแม่อีก...เราไม่ได้ขอข้าวเขากินสักหน่อย ทำไมต้องไปแคร์...เออ...จริงด้วย งั้น...บางทีการปล่อยให้คนอื่นมองเราว่าเป็นอีกคนหนึ่งไปมันก็ไม่ใช่เรื่องของเรางั้นสิ
กับความรู้สึกที่หมดไปแล้วกับใครหลายๆคน ขอโทษนะ ที่ต่อให้กลับมาทำดี
หรือกลับมาพูดจาดีๆด้วยเหมือนเดิม มันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก ตอนนี้ยังไม่เกลียด แต่ขอร้อง...
อย่าทำให้เกลียด ไม่อยากใช้คำว่าเกลียด เพราะฉะนั้นทางใครทางมัน จะทำอะไรก็ทำ
อย่ามาก้าวก่ายในชีวิตของฉันอีก ถ้าคิดว่าที่เห็นฉันอ่อนแอร้องไห้กับหลายๆเรื่องที่ผ่านมา
มันก็มีแค่ครั้งนั้นล่ะที่ฉันอ่อนแอ ตอนนั้นฉันยังโง่ที่ดูไม่ออกว่าคนตรงหน้ามันไม่ได้จริงใจ
อะไรกับฉันเลย ไม่ผิดหรอก ถ้า ณ เวลานี้จะยังมองว่าฉันโง่ แต่ขอบคุณกับช่วงเวลาที่ผ่านมา
ที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้กับอะไรหลายๆสิ่ง ในเรื่องของการคบกับคน...
ปล. สัญญาห่าเหวทั้งหลายน่ะ ลืมมันไปเถอะ การเดินทางของเรามันจบไปนานแล้ว ฉันจะใช้เวลาที่เหลือของชีวิต ตามหาสถานที่และมิตรภาพดีๆด้วยตัวของฉันเอง
No comments:
Post a Comment