Kaoru Toshiya ...

บ้านเมืองกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน ถ้ามีทหารหล่อๆแบบนี้มาปกป้องคงอุ่นใจ (อีนี่เพ้อเจ้อจริงๆ 555++) =_=;




ขุดหนังสือเก่าๆขึ้นมาสแกน เป็นที่หน้าตกใจคือกาวตรงสันหนังสืออ่ะ มันคงหมดความเหนียวมั้งมันเลยพากันหลุดลุ่ยออกมา T_Tและในกล่องยังมีเศษอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะเลย เปื้อนหน้าพี่ Tot และพี่ Kao ซะ (โฮรกกก~) ไม่น่าไว้ใจกล่องลังนั่นเลยแฮะ แต่ทำไงได้คนมันย้ายบ้านบ่อย =_= อะรูปที่สูบจากคนอื่นก็จะไม่ชัดเท่าไร อันไหนที่สแกนเองก็จะชัดหน่อย แบ่งปันๆ เผื่อเพื่อนๆอยากได้รูปแบบบิ๊กๆ ที่เอามาลงเพราะชอบรูปเซ็ตนี้อย่างแรง~ คนหนึ่งหล่อเซะซี่ อีกคนหล่อเท่ห์ 555 นึกถึงวันวานยังหวานอยู่ (ตอนนี้ก็หวานได้ ^ ^)














(เอาวันวานยังหวานอยู่ไปเท่านี้แล้วกัน หงุดหงิดที่หนังสือเปื้อนอ่ะ แงง~)

เมื่อวานเราได้ดูเรื่อง Memories of Matsuko หนังญี่ปุ่นเมื่อปี 2006 เปิดมาเห็นครั้งแรกก็เออแปลกดี การดำเนินเรื่องน่าสนใจ ที่ชอบที่สุดคงเป็นคำพูด และข้อคิดในเรื่อง T_T ประทับใจอีกแล้วสิ

"คุณค่าของคนไม่ได้ตัดสินตรงที่สิ่งที่เราได้รับ แต่ตัดสินตรงที่เราได้ให้อะไรไปบ้าง"

แล้วก็ตอนที่ Ryo กลับมาตามหา Matsuko แต่ว่า Matsuko ได้ตายไปแล้ว

"ถ้าพระเจ้าคือความรัก งั้น Matsuko ก็เป็นพระเจ้าของฉันน่ะสิ" T_T

โดยรวมแล้วประทับใจกับหนังเรื่องนี้มาก มิตรภาพและความผูกพันของเพื่อนอีก ชอบจริงๆ ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตอีกแล้วดีจัง

แล้วก็ข้อคิดที่ช่วยเราอีกอย่างก็คงจะเป็นของ Steve Jobs

"Your time is limited, so don't waste it living someone else's life.
Don't be trapped by dogma — which is
living with the results of other people's thinking.
Don't let the noise of others' opinions drown out your own inner voice.
And most important, have the courage to follow your heart and intuition.
They somehow already know what you truly want to become."

"เวลาเรามีจำกัด อย่ายอมเสียมันไปกับการมีชีวิตอยู่ในชีวิตของคนอื่น อย่ายึดติดกับความคิดของคนอื่น อย่าให้เสียงของคนอื่น มาบดบังเสียงภายในตัวเรา และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความกล้าที่จะทำตามฝันของตัวเองเพราะหัวใจและสัญชาตญาณรู้ว่าเราต้องการจะเป็นอะไร "

อย่าให้เสียงของคนอื่นมาบดบังเสียงภายในตัวเรา...ชอบจริงๆประโยคนี้ ยังไงซะคนที่เข้าใจตัวเองได้มากที่สุดก็คือตัวเราล่ะนะ ไม่มีใครจะมารู้จักเราได้ดีไปกว่าตัวเราเอง แต่จะมีสักกี่คนกันล่ะที่ได้ทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ น้อยนะ บางรายก็ถอนใจไปก่อนจะเริ่มลงมือด้วยก็มีอย่างเพื่อนของเราหลายๆราย เราซะอีก ที่มุ่งแต่จะทำตามความฝันจนดูเหมือนว่าก็ยังอยู่ในห้วงของความฝันต่อไป ดนตรีที่เล่นมาแทบตายก็ไม่ยักจะเก่งขึ้นสักที >_< ครูดีๆหรือไม่ดี ไม่เกี่ยวกันเลย มันอยู่ที่การฝึกฝนด้วยนั่นล่ะนะ เพราะต่อให้ครูเก่งมากแค่ไหน แต่ถ้าเราไม่ฝึกอะไรเลย มันจะเก่งได้ยังไง เรารู้สึกว่าเราจะยังพยายามไม่มากพอ เอาล่ะ >_< มาลองพยายามดูใหม่!

โอ้สส์~

*-*-*-*

ตอนนี้เราอย่างว่าง ลาครูนิคไว้สองอาทิตย์ พอไม่ได้ทำอะไรมันก็รู้สึกว่าตัวเองฟุ้งซ่านขึ้นเรื่อยๆ =_= เที่ยวก็ไม่ได้ไปเที่ยว ไม่มีใครว่างพาไปสักคน โฮ้ววว์~

สั่งจอง DVD Dir ไปละ 10500 เยน ไม่เสียดายเงินคงเพราะเรายังรัก Dir และยังอยากจะสนับสนุนพวกเขาต่อไปล่ะนะ แล้วนั่น...หยุดทำอะไรที่เป็นสำนึกรักบ้านเกิดสักทีเถอะ Dir หนังที่จะฉายน่ะ แน่จริงทำออกมาเป็น DVD สิ อย่าเข้าแต่โรง ไม่เชิงว่าตื่นเต้น เพียงแต่โกรธอ่ะ แง่ง~ โกรธที่เค้าให้กับแฟนเพลงแบบจำกัด ก็ไม่ได้รวยขนาดจะบินไปญี่ปุ่นทุกเดือนได้นี่หว่า โวะ! แต่ปีหน้าจะไปเที่ยว แล้วถามหน่อย ปัหน้าชั้นจะได้ดูหนังนั่นได้ยังไง! อ๊ากกกก!!!

อารมณ์ประมาณแบบว่า "ถ้าสิ่งไหนที่จะไม่ได้ สู้ไม่รู้เลยจะดีกว่าอีก" เหมือนตอนที่พี่ Die ไม่ได้ของที่อยากได้พี่แกก็รู้สึกอย่างนี้เหมือนกันล่ะ ทุกคนจะรู้ึสึกอย่างนี้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆเลยคือ เรารู้สึกอย่างนี้...

จบ entry ด้วยความมึนงงอีกครั้ง พูดถึงทหารหล่อๆสองนาย ไหงวกไปได้หลายเรื่องอย่างนี้นะ 5555++

No comments: