ชีวิตนี้...ที่มีแต่ขาวดำ...

ปีนี้รู้สึกว่าเป็นอีกปี...ที่เกิดการสูญเสีย และเรื่องที่กระทบต่อจิตใจมากมาย

ไม่ว่าจะคนรอบข้าง หรือแม้แต่ตัวของเราเอง...การแก่งแย่งชิงดี ในสิ่งที่ไม่ใช่ของใครทั้งนั้น

รวมทั้งความรู้สึกงี่เง่าที่ถูกยัดเยียดมาให้ทุกวัน เคยถามกับตัวเองบ่อยๆ

ว่าจะรับความรู้สึกแย่ๆนั่นมาทำไม...ฉันไม่ได้อยากจะรับ

แต่มันก็ต้องมีเหตุให้คิดตามมันอยู่เสมอ



...กลับไปเปิดดูบันทึกที่เขียนไว้...

"อดทนต่อแรงกระทบกระทั่งด้วยความเยือกเย็น ให้ถือว่าปัญหาเป็นสือให้เกิดปัญญา"

แรงกระทบไม่ว่าจะมาจากคำพูดดูหมิ่น เหยียดหยาม สบประมาท ถากถาง ถมถุย ฯลฯ

ไม่ว่าคำไม่ดีเหล่านั้นมาจากใคร ฐานะสูงกว่า เทียบเท่า หรือต่ำกว่าเรา

สิ่งแรกที่ควรจะคิดคือ "เค้าเป็นมนุษย์" มนุษย์ทุกคนล้วนแต่มีความโลภ โกรธ หลง

ด้วยกันหมด อยู่ที่ว่าใครจะมีมากหรือมีน้อย...ถ้าใครที่เค้าว่า ด่าทอสบประมาทเรา

อย่าไปโกรธเขาเลย ถ้าจะโกรธจริงๆ เพราะทนไม่ได้ เราก็ควรจะโกรธให้น้อยที่สุด...

พยายามละซึ่งความโกรธให้ได้ ถ้าเราผ่านจุดนี้ไปได้ เราจะแข็งแกร่งขึ้นมาอีกระดับ

......

วันนี้ได้ผ่านไปอีกวันที่ต้องใช้ความอดทน 555 (หัวเราะเยาะตัวเอง) >_<

หงุดหงิดที่ตัวเองทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจไปซะทุกอย่าง

แถมยังต้องมาพะวงกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำไมเราเป็นคนอย่างงี้กันนะ...

แล้วเวลาที่เราพยายามหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความเศร้าข้างใน

เราก็จะโดนมองว่าเป็นพวกไม่เอาไหนทุกที...ทำไมวะ หัวเราะมันต้องดีกว่าดิ

แต่สงสัยคงไปหัวเราะด้วยผิดคน เฮอะ!...


แหวนที่ใส่อยู่ประจำตอนนี้น่ะเป็นแหวนของคุณแม่ มันเคยหายไปครั้งหนึ่งแล้ว

แล้วก็กลับมาหาเราอย่างน่าอัศจรรย์...มันก็ทำให้เราคิดมาตลอด

ว่าอะไรที่เป็นของเรา ทำยังไงมันก็ต้องเป็นของเรา...

แต่ตอนนี้แหวนหลวมมากๆ ปกติใส่แหวนที่นิ้วนางข้างขวา มาตอนนี้ต้องย้ายนิ้ว

มาใส่นิ้วกลาง....แต่ก็ยังหลวมๆ....อยากได้แหวนใหม่ TwT

เป็นเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียว ที่ไม่อยากซื้อเอง 555 มันก็มีคุณค่าทางจิตใจน่ะนะ

เพราะจะคิดถึงคนที่ให้ตลอดเวลาใส่...



เหนื่อย ง่วง....แต่ไม่ยักจะหลับลง เฮ้อ~ อะไรกันน้อ~

No comments: