音楽

ดนตรี

ดนตรีเป็นสิ่งที่เกิดมาพร้อมกับโลกของเรา เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีจิตใจร่าเริงเบิกบานแจ่มใส สามารถช่วยผ่อนคลายอารมณ์ตึงเครียดต่างๆได้ ดนตรีเปรียบเสมือนทูตสวรรค์ซึ่งจะนำแต่สิ่งสงบมาสู่มวลมนุษย์ ไม่เป็นพิษเป็นภัย

จะเห็นได้ว่าคนที่ไม่เคยฟังดนตรีหรือเล่นดนตรี โดยทั่วไปมักจะมีอารมณ์ฉุนเฉียว โกรธง่าย อารมณ์ร้อน ส่วนคนที่ชอบฟังหรือชอบเล่นดนตรีโดยทั่วไปมักจะมีอารมณ์เยือกเย็น สุขุมรอบคอบ รวมทั้งมีบุคลิกภาพที่ดีด้วย

ดนตรีเกิดพร้อมกับธรรมชาติ มนุษย์เราได้ฟังเสียงฟ้าร้อง ฝนตกน้ำไหล สัตว์ร้อง ฯลฯ ก็เกิดแนวความคิดไปเรื่อยๆ มาว่าจะทำอย่างไรที่จะนำเอาเสียงต่างๆที่ได้ฟังมาจัดให้เป็นระบบและเป็นมาตรฐาน

มนุษย์ได้พยายามทุกวิถีทางในการพัฒนาเกี่ยวกับดนตรีจนเป็นมาตรฐานซึ่งต้องใช้เวลาอันยาวนานกว่าจะเห็นเป็นมาตรฐานสากลในปัจจุบันนี้

เครื่องดนตรีในสมัยแรกๆเล่นแบบง่ายๆ เช่นเอาหินมาเคาะกับฝาถ้ำ ทำให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะ ต่อมาก็มีวิวัฒนาการมาเป็นเครื่องดนตรีประเภทตีชนิดต่างๆ และในทำนองเดียวกันเครื่องดนตรีประเภทดีดสีและเป่าก็มีวิวัฒนาการคล้ายๆกับเครื่องดนตรีประเภทตี คือเริ่มมาจากพื้นฐานง่ายๆ เช่นเดียวกัน

ยังมีดนตรีอีกประเภทหนึ่งที่ชาวตะวันตกได้นำมาเผยแพร่และเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ดนตรีประเภทนี้นับว่าหลายชาติหลายภาษาก็เล่นได้ แต่ลีลา ท่วงทำนองก็เป็นไปตามลักษณะของชนกลุ่มนั้นๆ ดนตรีที่แพร่หลายนี้เราเรียกว่า "ดนตรีสากล" คือใช้เครื่องดนตรีที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ชนิดเดียวกัน การบันทึกทำนองก็ใช้สัญลักษณ์เดียวกัน สัญลักษณ์ที่ใช้บันมึกทำนองเพลงนี้เรียกว่า "โน๊ตสากล" การมีโน๊ตสากลสำหรับบันทึกทำนองเพลงก็เพื่อกันลืมและเป็นการช่วยทบทวนความจำ นอกจากนี้โน๊ตสากลยังมีความหมายอื่นๆอีกดังจะได้กล่าวในหัวข้อต่อไป

ในระยะแรกๆนั้น ทำนองเพลงมีเพียงทำนองเดียว คือ ไม่มีเสียงประสาน มีแต่ทำนองล้วนๆซึ่งภาษาทางดนตรีเรียกว่า "Melody" จนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 12 มนุษย์จึงรู้จักนำเสียงต่างๆมาผสมประสานกันแต่เป็นการประสานแบบง่ายๆไม่ซับซ้อนเหมือนปัจุบันนี้

รูปแบบของการดนตรีของแต่ละยุคแต่ละสมัยก็แตกต่างกันออกไปยุคของการดนตรีที่จัดได้ว่านรูปแบบนั้น นักปราชญ์ทางดนตรีได้แบ่งออกเป็น 5 ยุค (บางท่านอาจแบ่งยุคต่างๆของการดนตรีแยกย่อยออกไปอีก) ดังนี้

1. Polyphonic Period (ค.ศ. 1200 - 1650) ยุคนี้เป็นยุคแรกของการดนตรี และได้วิวัฒนาการมาเรื่อยๆ ในยุคนี้ดนตรีเกิดขึ้นแล้ว วงดนตรีเหล่านี้จะเล่นอยู่ในสถานที่จำกัด เช่น ในโบสถ์ ในบ้านเจ้านายชั้นสูง และต่อมาก็มีวงดนตรีอาชีพเกิดขึ้น และมีโรงเรียนสอนดนตรีขึ้นในยุคนี้ด้วย

2. Baroque Period (ค.ศ. 1650 - 1750) ยุคนี้นับว่าเป็นการดนตรีเจริญและเป็นปึกแผ่นขึ้นมากกว่ายุคต้น มีแบบแผนที่ดีขึ้นกว่าเดิม ในยุคนี้ได้เกิดโรงเรียนเกี่ยวกับการละครที่มีดนตรีเป็นพื้น หรืออุปรากร (Opera) ขึ้น

3. Classical Period (ค.ศ. 1750 - 1820) ในยุคนี้นับว่าการดนตรีเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่ มีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น มีแบบแผนดนตรีที่แน่นอนและเป็นมาตรฐานมากขึ้น

4. Romantic Period (ค.ศ. 1820 - 1900) ยุคนี้การดนตรีได้วิวัฒนาการขึ้นมาก ใช้เสียงดนตรีเน้น (แสดง) ถึงอารมณ์ต่างๆ เช่น อารมณ์เศร้า อารมณ์ในห้วงของความรัก อารมณ์โกรธ อารมณ์ของความกลัว ฯลฯ ยุคนี้การดนตรีมีความเจริญถึงขีดสุด นักปราชญ์ทางดนตรีจัดให้ยุคนี้เป็น "ยุคทองของการดนตรี"

5. Modern Period (ค.ศ. 1900 - ปัจจุบัน) ยุคนี้การดนตรีได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ได้มีดนตรีประเภทใหม่ๆเกิดขึ้น เช่น ดนตรีประเภทแจ๊ส ชาโดว์ คอมโบ การดนตรีในยุคนี้มีหลายประเภทและดนตรีประเภทเก่าก็ยังคงมีอยู่ การดนตรีเหล่านี้ได้แพร่หลายไปเกือบทุกส่วนของโลก ดังนั้นแบบแผนต่างๆของการดนตรีจึงคล้ายคลึงกัน สัญลักษณ์ต่างๆที่ใช้ในบทเพลงก็เหมือนกัน เมื่อสามารถเรียนรู้สัญลักษณ์ต่างๆ และสามารถอ่านความหมายของสัญลักษณ์ทางดนตรีออก ก็สามารถเล่นเข้าวงกับผู้อื่น หรือชาติอื่นๆที่มีดนตรีสากลเช่นเดียวกันได้

หมายเหตุ การดนตรีก่อนยุค Polyphonic Period ก็มีเกิดขึ้น แต่ยังไม่มีรูปแบบที่แน่นอนนัก นักปราชญ์ทางดนตรีบางท่านแบ่งยุคต่างๆของการดนตรีออกเป็น 7 ยุค


ดังนั้นผู้ที่จะเริ่มเล่นดนตรีสากลจะต้องรู้จักสัญลักษณ์และเครื่องหมายต่างๆในบทเพลง จะต้องทบทวนให้แม่นยำ และต้องฝึกซ้อมเป็นประจำ


+++คงไม่มีใครที่จะเก่ง และชำนาญมาแต่เกิด ความเก่งและความชำนาญจะเกิดขึ้นได้ถ้าหมั่นฝึกฝน ^^; +++

No comments: