หัวข้อก็บอกอยู่แล้ว มีแต่พี่ดายอย่างเดียวล้วนๆ (ฮาๆๆ) รักทั้งวงนะ รักทั้งเสียงเพลง และดนตรี แต่...อีตานี้ยึดพื้นที่หัวใจมากกว่านิดเดียว...>.<...นิสเดียวเอง~...พื้นที่ตรงนี้จะตัดเอาบทสัมภาษณ์ที่พี่ดายให้สัมภาษณ์มา เป็นบทสัมภาษณ์ที่ให้ทั้งความเจ็บปวดรวดร้าว และแย้มยิ้มได้ในเวลาเดียวกัน... (ไม่ได้เรียงอะไรหรอกนะกั๊บบทสัมภาษณ์อ่ะ อ่านขำๆสนุกๆ และจะรู้สึกรักผู้ชายคนนี้ขึ้น...มากขึ้น มากขึ้น)

++ก่อนอื่นอยากถามถึงโอกาสที่ทำให้ได้มาเล่นดนตรี
ดาย: ช่วงมอปลายผมได้ดูวงของรุ่นพี่เล่นในงานเทศกาลโรงเรียน เลยคิดว่าตัวเองอยากจะเล่นดนตรี copy เพลงของวง Ziggy ดูบ้าง ในตอนนั้นผมอยู่ชมรมเคนโด้ แต่เพราะได้ดูวงของรุ่นพี่เล่นเลยทำให้อยากจะทำวงมากๆ
++ใน Episode tour ความคิดเห็นของไลฟ์ที่บูโดกังในวันที่ 2 พฤศจิกายน (ปี 1998) เป็นอย่างไรบ้าง
ดาย: ช่วงที่เล่นบูโดกังน่ะไม่ได้ตื่นเต้นเท่าฮอล์ต่างๆที่เคยเล่นมาหรอก (หมายถึง Shibuya Koukaidou และที่ Nagano Sunplaza) แต่ว่าในช่วงที่ไม่มี Opening SE. (ดนตรีเปิดตัว) น่ะ ผมได้ยินเสียงแฟนๆดังมากๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ประทับใจสุดๆเลย
++งานพิเศษที่น่าประทับใจตั้งแต่ที่ทำมาจนตอนนี้คืออะไร?
ดาย: ผมเคยทำงานอยู่ในสังกัดกับบริษัทที่ส่งคนไปประจำการยังที่ต่างๆ ทำแต่งานที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง ต้องแบกถุงปูนซีเมนต์ที่หนักๆจนทำให้กล้ามขึ้นเลย ^^; (เดี๋ยวนี้พี่ดายไม่กล้ามขึ้น มีแต่ก้างขึ้นอ่ะจิ โฮกกก)
++รู้สึกว่าห้องของตัวเองตอนนี้เป็นยังไง
ดาย: ผมอยู่คนเดียวตั้งแต่ตอนทำวงที่โอซาก้าแล้วละ ตอนนี้ก็เหมือนกัน ในห้องติด Monitor และ Interphone ด้วย
++ผู้หญิงในแบบที่ชอบเป็นแบบไหน
ดาย: พูดถึงแบบที่ชอบนี่มันยากนะ ผู้หญิงในอุดมคติของผมเป็นแบบคุณโนริโกะ ซาไก แต่ผมว่าคนที่เป็นแบบนั้นจริงๆก็คงจะไม่ค่อยมีหรอก (เจ็บปวด~ เจ็บปวดเหลือเกิน~ ฉันจะไปศัลยกรรม~) ToT...(ความรู้สึกเหมือนคุณ Tomoko ที่ได้เจอคุณ Kiyoharu เลย ฮ่าๆๆๆ)
++ความฝันในตอนเด็กๆคืออะไร
ดาย: ผมเป็นคนที่ไม่สนใจเลย แถมยังเป็นคนที่ไม่มีความฝันอีกต่างหาก ตอนเด็กๆใครๆก็ต้องโดนให้เขียนเรียงความพวกเรื่องเกี่ยวกับความฝันอยู่แล้วใช่มั้ยละ? แต่ผมไม่เคยเขียนซ้ำกันเลยซักครั้งนะ จริงๆแล้วผมหลงใหลในตัวคุณ Watanabe Tetsuya ในเรื่องตำรวจฝ่ายสืบสวนมากๆเลย
++โอกาสที่ทำให้ได้เริ่มหัดแต่งหน้ากับเครื่องสำอางค์ที่ใช้ประจำคือเมื่อไร? และความมั่นใจในการแต่งหน้าของตัวเองละ?
ดาย: วงที่แต่งหน้าตอนนี้มีเยอะนะดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องที่ดูปกติไป แต่จริงๆทั้งหมดนั้นมันก็เริ่มขึ้นจากการเลียนแบบพวกผู้ใหญ่นั่น
แหละ ตอนแรกผมก็ใช้ลิปสติกของแม่ แต่ว่าพอทาแล้วก็รู้สึกว่านั่นน่ะไม่เข้ากันเลย (หัวเราะ) ^^;
++บทบาทของตัวเองในวง
ดาย: เป็นผู้ที่คอยทำให้คนอื่นหัวเราะละมั้ง! ผมก็มักจะทำเลียนแบบคนโน้นคนนี้ไปทั่ว คอยทำให้เค้าหัวเราะกัน
++เวลาว่างทำอะไร
ดาย: ถ้ากลางคืนนอนดึกละก็ วันรุ่งขึ้นผมก็จะนอนจนกว่าจะลืมตาตื่นขึ้นเอง หลังจากนั้นก็จะดูโทรทัศน์ และเปิดดูละครที่ชอบอย่างพอหอมปากหอมคอ (ไม่ดูนานเกินไปเพราะจะเบื่อง่าย) ส่วนใหญ่จะดูแค่ชั่วโมงเดียว ตอนนี้ที่ดูก็เป็น Melo Drama ในช่วงกลางวัน
++สิ่งที่เปลี่ยนไปตั้งแต่เริ่มเซ็นต์สัญญากับทางต้นสังกัดเพื่อเป็นวงเมเจอร์
ดาย: ผมมีญาติๆเพิ่มขึ้น (หมายถึงพวกคอสเพลย์) อย่างตอนที่เล่นไลฟ์ที่บูโดกังก็มีญาติที่เพิ่งจะได้พบกันเป็นครั้งแรกด้วย (หัวเราะ)
++Credit : วารสารเลเต้ ที่นำมาจากนิตยสาร Origon Ichibun Magazine ค่า~ ขอบคุณๆ
...........................................

(ภาพเข้ากับบรรยากาศเกินไป ฮ่าๆๆ โหนรถกลับบ้าน)
ดาย: ถ้าว่างนักก็กลับบ้านเกิดดีกว่าครับ (กลับบ้านนอก) ตลอดมาเพลงที่แต่งส่วนใหญ่จะแต่งตอนกลับบ้าน คิดว่าอยากจะแต่งเพลงใหม่ที่บ้านครับ
++ทำไมต้องเป็นที่บ้านด้วยล่ะ?
ดาย: อยากจะเปลี่ยนไปทำอะไรในตอนเช้าบ้างน่ะครับ อยากลองตื่นเช้าๆดู แล้วเวลาที่หาวออกมาเพราะอาการเพลีย ถ้าหากถูกถามว่า "ปกติไม่ค่อยได้นอนเหรอ" ผมก็จะตอบทันทีเลยว่า "ผมเป็นคนชอบตื่นเช้าครับ ทำงานจนดึกได้นอนน้อยเลยมักจะงัวเงีย" นั่นน่ะเป็นคำโกหกชั้นยอดเลยล่ะ (หัวเราะ)
ชินยะ: ก็เพราะปกติที่ไม่ได้นอนจะเป็นเพราะว่าดื่มหนักน่ะสิ ถ้าพูดแบบนั้นออกไปก็กลัวจะโดนนินทาใช่มั้ยล่ะ? (มีแอบกัดนะนั่น55+)
ดาย: (หัวเราะ)
++เป็นแบบนั้นหรอกเหรอ (หัวเราะ) ถ้าอย่างนั้นการได้กลับบ้านนี่ก็คงเป็นเรื่องที่ดีสินะ ที่โตเกียวมีอะไรคอยยั่วยุอยู่เสมอใช่มั้ยล่ะ กลับไปสงบสติลงบ้างนะดายคุง (หัวเราะ)
ดาย: เป็นอย่างนั้นล่ะครับ (หัวเราะ) ถ้ากลับบ้านก็คงจะไม่ได้คิดถึงเรื่องยุ่งๆ จะหยุดพักอะไรก็ได้ตามใจ อยากให้ตัวเองมีอะไรใหม่ๆในช่วงเวลาที่ว่างๆดูบ้าง ถ้าวันหยุดจบลงแบบนั้นแล้วจะรู้สึกว่าหยุดพักคราวนี้มีอะไรดีๆน่ะครับ
.........................................
++ใน Live ที่บุโดกังนั้นตอนที่จบลงไปเป็นอย่างไรบ้าง
ดาย: สำหรับผมก็ไม่มีผลอะไรนะครับ อืม...(หัวเราะ)
++และครั้งที่สองล่ะ
ดาย: ถ้าจะบอกความรู้สึกพิเศษที่บุโดกังเนี่ยไม่มีนะ บรรยากาศก่อนที่ Live จะเริ่มก็มีความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นเล็กน้อย ตอนที่ไปทัวร์ตามต่างจังหวัดบรรยากาศก็ไม่เปลี่ยนไปจากบุโดกังนะ ถ้าจะถามว่า "การเล่นกีต้าร์คือเรื่องถนัดใช่มั้ย?" ละก็ ผมก็คงจะบอกว่า "ก็ถ้าตัวเองทำแบบนี้แล้วมันให้ความรู้สึกดีกับตัวเองก็ใช่น่ะสิ" ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะได้ทำในสิ่งที่รักมาตลอดตั้งแต่ตอนทัวร์ จึงคิดว่าทัวร์ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ยิ่งใหญ่จริงๆเลย แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันนะ พอที่บุโดกังเสร็จสิ้น ผมกลับนึกถึงตอนอยู่หลังเวที แล้วจู่ๆก็รู้สึกถึงอารมณ์ของถ้ำที่ว่างเปล่า สิ่งนั้นมันแทรกเข้ามากลางจิตใจของผมล่ะ
++ถ้ำเหรอ?
ดาย: คิดว่าเป็นตอนที่งานชุด Macrabre จบลงมั้งครับ ผมอยากเห็นตอนที่เรากับแฟนๆต้องจากกันหลัง Live จบ มันเหมือนอารมณ์ตอนพิธีสำเร็จการศึกษาประมาณนั้น รู้สึกเหงานิดหน่อยน่ะครับ
++จากการเข้าใจขีดจำกัดของตัวเอง ทำให้ได้รู้ว่า ไม่ว่าจะเป็น Screen หรือสิ่งอื่นๆ ก็คิดว่าสามารถจัดการออกมาได้อย่างดีโดยไม่ขาดตกบกพร่องใช่หรือเปล่า
ดาย: ถ้าอยากจะให้เห็นความชัดเจนจากตัวเองเนี่ยควรทำอย่างไรดีนะ? เรื่องอยากให้ Tour เติบโตขึ้นคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับ ผมอยากให้ทุกคนคิดพิจารณาเอาว่าจะให้เป็นไปโดยธรรมชาติดีกว่ามั้ย เพราะบางทีอาจมีการเข้าใจผิดอยู่บ้างในเรื่องของคิวการจัดงาน แปลนต่างๆ หรือการจัดเตรียมการแสดงอยู่ด้วย บางคนยังยึดอยู่เลยว่า ทุกครั้งที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ต พอจบ Live ก็จะต้องมีของแถมเป็นอังกอร์ ทั้งที่จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้มันไม่ใช่ จะมีอังกอร์หรือไม่มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ในการแสดงและอารมณ์ของทุกคนใน Live มากกว่าน่ะครับ ตรงนี้อยากขอให้ช่วยทำความเข้าใจด้วยนะ
++ตัดสินใจออกแล้วใช่ไหมเนี่ยว่าวันนี้ต้องพูดให้รู้เรื่องน่ะ? (ยิ้ม)
ดาย: ถ้าไม่พูดวันนี้ก็อาจจะเป็นเร็วๆนี้ แต่จะสามารถพูดได้จริงๆก็ต่อเมื่อ Live จบไปแล้วใช่มั้ยล่ะ เรื่องที่จะทำให้ 5 คนออกไปเล่นอังกอร์ต่อหรือไม่น่ะ มันขึ้นอยู่กับความต้องการที่แท้จริงๆของแฟนๆนะครับ ผมเล่นดนตรี เราเป็นนักดนตรี ไม่ใช่ร้านขายของ sale ที่กระหน่ำลดราคา "เอ้าเร้ว~!!! วันนี้ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งจ้า~" (หัวเราะ) อยากให้ผมพูดแบบนี้บนเวทีจริงๆน่ะเหรอ? เอาเป็นว่าผมเองก็เชื่อมั่นในแฟนๆของเราอยู่มากเลยล่ะ พูดกันตรงๆน่ะดีแล้ว ก็นี่เป็นหนังสือสำหรับแฟนๆ Dir en grey ไม่ใช่เหรอ? เอาล่ะ...ต่อไปก็จะเริ่มของจริงล่ะนะ (หัวเราะ)

........................................................
เผากันอีกชุดใหญ่!!! เอิ๊กๆๆ
...ความจริงคือพี่ดายเคยไปสร้างวีรกรรมเอาไว้ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ Dir en grey ออกเดบิวส์ไปได้สักระยะแล้ว (ประมาณปี 2000) ตอนนั้นพี่ดายของเราเค้าไปร้องคาราโอเกะกับพวกเพื่อนๆ และนิตยสาร POP BEATH ล่ะ และด้วยความมั่นใจในความเป็นเลิศทางด้านการร้องเพลงของตัวเอง พี่ดายจึงเป็นคนแรกที่คว้าไมค์ (มั่นมากๆ หนุ่มมั่นของเรา) ร้องไปได้สองเพลง มาเพลงที่สามเริ่มชะงักไม่แน่ใจแล้ว ว่าเพลงนี้เป็นเพลงของใคร แล้วมันร้องยังไง สรุปก็คือเจ้าแห่งไมค์ต้องวางไมค์ลงด้วยเหตุผลที่ว่าจำเนื้อไม่ได้ครั้งแรกในชีวิต เรื่องนี้ถ้าเป็นเพลงของวงอื่นก็ไม่น่าจะแปลกหรอก แต่เรื่องที่ทำให้หน้าของพี่ดายแหลกสุดๆนี่ก็เพราะ เพลงนี้เป็นเพลง ZAN ของ Dir en grey นั่นเอง พวกที่ไปด้วยกันงี้ขำปางตาย พี่ดายบอกว่าครั้งนั้นน่ะจะต้องจดจำไปจนวันตายเลยล่ะ อายสุดๆ (กร๊ากกกกก) สมควรให้อายอยู่หรอก พี่ดาย~ อ๊ายย~
ต่อด้วยเรื่อง "เป่ายิงฉุบดื่มน้ำผลไม้" คือเรื่องฮิตสุดๆในหมู่ Dir (ตอนนี้ยุ่งจะมีเวลาเล่นป่ะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ) การเล่นก็คล้ายๆกับอีแก่กินน้ำบ้านเรา คือผู้แพ้จะต้องดื่มน้ำให้หมด แล้วที่นี้เหล่า Dir เค้าใช้น้ำมะเขือเทศสดซึ่งไม่มีใครต้องการจะดื่มเลย (เป็นน้ำมะเขือเทศแบบเข้มข้นมากๆ) กติกาก็มีอยู่ว่าเค้าใช้ไพ่มาริโอ้ในการตัดสิน ใครแพ้ก็ต้องดื่มน้ำมะเทศให้หมดกระป๋อง ความจริงพี่ดายเค้าก็ไม่ค่อยเข้าร่วมวงไพ่มาริโอ้สักเท่าไรหรอก แต่คิดว่าวันนั้นคงเป็นคราวเคราะห์ร้ายของพี่เค้าจริงๆ พี่ดายรับคำท้าเข้าร่วมวงเล่นไพ่กับสมาชิกคนอื่นๆ
ผลสรุปก็คือฝีมือคนละชั้นกันพี่ดายรึจะสู้คนที่ซุ่มฝึกมาดีอย่างชินยะได้(กร๊ากกกก) ตาแรกก็แพ้ไปตามระเบียบ ตกเป็นทาส (คนสุดท้ายเรียกว่าทาส) ต้องดื่มน้ำมะเขือเทศเข้มข้นจนหมดกระป๋อง ถึงจะผะอืดผะอมเต็มแก่แต่ด้วยความเป็นลูกชายไม่ยอมแพ้ พี่ดายจึงเล่นเกมส์ที่สองต่อ คราวนี้ก็แพ้อีกนั่นล่ะ แถมเจอเฮียคาโอรุแขวะอีกต่างหาก วันนั้นสรุปพี่ดายซัดน้ำมะเขือเทศเข้าไป 4 กระป๋องเต็มๆ เรียกได้ว่าต้องรีบวิ่งไปแหวะในห้องน้ำเลยอ่ะ สุดท้ายก็ไม่ชนะใครเลย น่าสงสารชะมัด (ฮ่าๆๆๆ)
...................................
++ที่สุดต้องยกให้รองเท้า adidas
ดาย: ของที่พึ่งซื้อมาในช่วงนี้คือรองเท้าผ้าใบครับ อย่างของ adidas นี่ก็ชอบ เวลาธรรมดาเนี่ยผมก็ชอบแต่งตัวแนวสปอร์ตๆนะ แต่ก็มักจะถูกแซวอยู่เสมอเลยล่ะว่า "ดูไม่ค่อยเหมาะกับนายเท่าไรเลยนะ" (หัวเราะ) เมื่อก่อนผมก็ไม่ได้แต่งตัวแนวนี้หรอก ก็เพิ่มมาเปลี่ยนเอาตั้งแต่ตัดผมสั้นนี่ล่ะ เพราะเมื่อก่อนไว้ผมยาวแถมยังทำสีแดงอีกต่างหาก ถ้าให้มาแต่งตัวแนวสปอร์ตๆแบบนี้ก็คงไม่เหมาะเท่าไรนะผมว่า...พอตัดผมออกแล้วได้ไปซื้อรองเท้าผ้าใบมาใส่ หลังจากนั้นก็เลยเปลี่ยนแนวการแต่งตัวไปเลย ตอนนี้ผมชอบ adidas ที่สุด ของ Nikey ก็มีนะ ถ้าหน้าร้อนก็จะใส่ของ Nikey พอฤดูใบไม้ร่วงก็จะใส่ของ adidas ล่ะ ผมจะมีร้านประจำของตัวเองเลยนะ! พอมีรุ่นใหม่ๆออกมา ทั้งเสื้อผ้ารองเท้าก็จะไปซื้อที่นั่นล่ะ ดูแล้วสมเป็นแฟชั่นของอังกฤษดีออกนะ
++ตอนนี้มีรองเท้ากี่คู่แล้วเหรอ
ดาย: อืม ถ้ารวมกับของ Nikey และ adidas แล้วก็ประมาณ 20 คู่ (ตอนนี้คงจะเป็นร้อยได้แล้วมั้งนั่น!!!) ส่วนมากผมจะดูจากโบว์ชัวร์ก่อนที่จะซื้อ ถ้ามีรุ่นใหม่ๆออกมาก็จะโทรไปสั่งไว้ที่ร้านเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ของที่ต้องการทุกครั้งหรอกนะ บางครั้งที่ร้านเค้าก็บอกว่า "ขอโทษด้วยนะ วันนี้ขายไปแล้ว 100 คู่ ของหมดแล้วล่ะ" ถ้าเป็นแบบนี้นะ สู้ไม่รู้ว่ามีรุ่นใหม่ออกมาซะดีกว่าใช่มั้ยล่ะ?? (อืมๆพี่ดายพูดถูก) เพราะถ้ารู้แล้วมันก็จะอยากได้ไม่ใช่เหรอ? ไอ้ความรู้สึกที่อยากได้อะไรอย่างรุนแรงนี่ก็ทำให้ลำบากเหมือนกันเนอะ (หัวเราะ)...(ถูก...เหมือนฉันที่อยากได้คุณอย่างรุนแรงก็ลำบากเหมือนกัน เหอะๆๆ TvT)
ตอนนี้พอมานั่งนึกๆดูแล้ว ก็นึกถึงตอนทัวร์คอนเสิร์ตคราวที่แล้ว ตอนนั้นพวกผมได้ไปเล่นโบว์ลิ่งกันด้วยล่ะ รองเท้าที่ใช้ใส่เล่นโบว์ลิ่งก็จะคล้ายๆกับรองเท้าผ้าใบเลยนะ ดูแล้วเท่ห์มากๆเลยล่ะ ตอนนั้นพอมีคนชมว่า "นายนี่เหมาะกับรองเท้าโบว์ลิ่งจังเลยนะ" ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลยหันมาคลั่งไคล้รองเท้าผ้าใบล่ะครับ (หัวเราะ)...(สรุปบ้ายอชิมะพี่ดาย ฮ่าๆๆ แต่ก็เหมาะจริงๆล่ะน้า~เท่ห์สุดๆไปเลย)

.................................
Zappy 12 Questions...
++อะไรที่ทำให้คุณต้องใช้เวลาสนใจอยู่กับมันมากที่สุด
ดาย: ช่วงที่กำลังเดินทางไปทัวร์ในที่ต่างๆ
++เวลาไหนที่รู้สึกผ่อนคลายเมื่อคุณอยู่บ้าน
ดาย: ดื่มเครื่องดื่มเบาๆหลังอาบน้ำ
++อะไรที่คุณมักนำติดตัวไปด้วยเมื่อออกจากบ้าน
ดาย: ความสง่างาม (ฮึ่ย!)-_-;
++คำพูดไหนที่ทำให้คุณต้องรู้สึก "กึ๊ก!!" ไปกับมัน
ดาย: ตอน Funami san บ่น
++กับข้าวอะไรที่ทำให้คุณกินข้าวได้เยอะมากๆ
ดาย: ถั่วต่างๆ (ง่ะ!! หลังจากนั้นก็จะมีกลิ่นตามมาแหงๆ) ^^;
++ดาราในดวงใจเมื่อสมัยเป็นเด็ก
ดาย: ??
++ตอนเด็กๆฝันอยากทำอาชีพอะไร
ดาย: ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้หรอก
++หนังที่ชอบ
ดาย: Sayonara ha eien ni
++เครื่องประดับที่ชอบ
ดาย: C.H
++ถ้าอยู่ต่อหน้าคนแล้วทำผิด จะทำยังไง (คำอุทานเวลาทำผิด
ดาย: "tsu~!!"
++ชอบผู้หญิงแบบไหน
ดาย: ผมไม่ค่อยสนใจตรงนี้เท่าไร (แบบไหนก็ได้ ขอให้ถูกใจว่างั้นเหอะ!) (จริงๆน่าจะตอบแบบนี้ไปตลอด แทนตอบชื่อป้าโนริโกะนะดายเอ้ย~ ฉันปวดร้าว~เหลือเกิน) T^T
++ถ้าคุณสามารถเปลี่ยนเป็นใครใน Dir en grey คุณอยากจะเป็นใคร
ดาย: Shinya เพราะผมอยากใส่กระโปรงแบบ Shinya ใน [KR]cube... (บ๊ะ! ซะงั้นเน้อ~) เอิ๊กๆๆๆ
.............................................
อ้อใช่~ พี่ดายกับเจ๊ชินยะอ่ะเค้าเคยไปดูหนังกันด้วย (ไม่แปลกๆ อยู่กันมานมนาน จนนมยาน)..แต่เรื่องที่เล่าก็นมนานมาแล้วเหมือนกันนะฮะๆๆ ที่จะพูดก็คือ อิจฉาเจ๊ชินยะเค้าอ่ะจิ
++ดายคุงกับชินยะคุงเพิ่มไปดูหนังเรื่อง Koroshiya 1 ด้วยกันใช่มั้ย เห็นว่าที่นั่นแคบสุดๆ โรงหนังเหมือนกับไลฟ์เฮาส์เลยอย่างงั้นหเรอ
คุณ Inoue: สองคนนี้สนิทกันดีนะ
ชินยะ: แหม!
ดาย: ตอนที่ไปดูหนังก็พูดเยอะพอสมควรนะ เพราะปกติหมอนี่จะไม่ค่อยพูด และไม่ค่อยใช้โทรศัพท์ด้วย วันที่ไปดูหนังก็เลยคิดว่าประหลาดๆน่ะ
.............................................
พี่ดายน่ะเวลาเอาเค้กไปทานที่ห้องซ้อมมักจะทำหกเลอะเทอะก็เลยถูกท่านพี่คาโอรุสั่งห้ามเด็ดขาดน่ะสิ เพราะว่าพี่ดายเป็นคนที่ทานเร็วและมักจะทานโดยใช้แค่ช้อนซ่อม (ไม่ใช้จาน)...(กินจากในกล่องว่างั้น เคี๊ยกๆๆๆ) เท่านั้นล่ะ จากนั้นคนอื่นๆก็บอกว่า "น่าจะกินให้ท่ามันสวยๆหน่อยนะ อย่างเช่นเอาสตอเบอรรี่มาวางประดับเอาไว้ก่อนกินน่ะ" (หัวเราะ) หลังจากนั้นพี่ดายก็บอกว่า "ถ้ามันง่ายๆก็คงไม่มานั่งเดือดร้อนแบบนี้หรอกนะ" (หัวเราะ)
.............................................
ลำรึก Interview เก่าๆกันหน่อย พี่ดายโซโล่เลย~ (เอาแต่ที่พี่ดายตอบมา คนอื่นอย่าน้อยใจ ถ้ามีเวลาจะพิมพ์มาลงให้ กระซิกๆ มันเยอะเหลือเกิน~)
++ทำอะไรในวันปีใหม่ ของปี 2001
ดาย: กลับจากเล่น Live ที่ Osaka และวันที่ 4 ก็ไปดู perfessional wresting ที่ Tokyo dome
++แล้วมีโครงการที่จะทำอะไรในวันปีใหม่ 2002
ดาย: ก็ตั้งใจจะกลับบ้านเกิดแล้วก็จะไปฉลองกับเพื่อนๆ ผมน่ะไม่ชอบบรรยากาศในวันปีใหม่เลย เกลียดบรรยากาศแบบว่า "กำลังจะเปลี่ยนไปอีกปีนึงแล้วนะ"...คิดว่าจะไม่ทำอะไรพิเศษให้ยุ่งยาก
ตอนเด็กๆ พอได้รับเงินปีใหม่จากญาติ ก็จะบอกกับญาติว่า "นั่นแหล่ะ! ดีแล้ว" (ทำแบบนั้นแหล่ะดีแล้ว) พอมาถึงตอนนี้ คำพูดแบบนั้นที่เคยพูดในวันปีใหม่ก็จะลอยขึ้นมา แล้วก็คิกว่า "ทำไมตอนเด็กๆเราถึงได้ทำอย่างนั้นนะ?"
++ช่วยเล่าถึงการไหว้พระที่วัดในวันแรกของปี
ดาย: หลายปีก่อน ตอนที่ไปที่วัด Kiyomizu เคียวคุงก็อยู่ด้วยกัน แต่ซักพักก็หายไป พอโทรศัพท์ก็โทรไม่ติดเลย และเพราะช่วงนั้นเป็นวันปีใหม่พอดี คนแถวๆนั้นเยอะมาก และดูเหมือนทุกคนกำลังใช้โทรศัพท์กันทุกคนเลย สุดท้ายก็เลยคิดต่อกันไม่ได้ (ทิ้งพี่เคียวไปเลยว่างั้น โธ่~ ถ้าชั้นไปด้วยนะจะเกาะเหนียวหนึบปานตุ๊กแกเลยล่ะ....เคี๊ยกๆๆๆ)
++ความฝันแรกที่ยังคงหลงเหลือเป็นความประทับใจ
ดาย: จำไม่ได้แล้วนะ ความฝันน่ะเหรอ...อันที่จริงพอฝันเสร็จก็ไม่ได้ลืมไปทันทีหรอกนะ
++พูดถึง winter sports ที่ชอบ
ดาย: winter sports น่ะเหรอ ก็ไม่ใช่ว่าจะเล่นไม่ได้หรอกนะ สมัยม.ปลายตอนไปทัศนศึกษา ก็รู้สึกจะเล่นสกีเป็นอย่างเดียวล่ะมั้ง
โทชิยะ: (ขอแจมหน่อย) เพราะเกิดที่ภูเขาไม่ว่าอะไรก็ถนัดหมดเลยล่ะ (โอ้ววว์~) และเพราะมีคุณพ่อเป็นคนสอนก็เลยถูกจับให้หัดตั้งแต่ประมาณ 3 ขวบได้ (อืม~ ท่าจะเก่งนะเนี่ย! สาวๆกรี๊ดแตกแน่เลย~)
++วิธีการรับมือกับหน้าหนาว
ดาย: ถ้าทำเรื่องที่ขายขี้หน้าขึ้นมามันก็จะรู้สึกอบอุ่นเองล่ะ (พี่ดายจ๋า~ คิดไปได้นะนั่น กร๊ากกกก) หน้าหนาวไม่ว่าสวมอะไรก็ยังหนาวอยู่ดี ถ้าคิดซะว่ามันอบอุ่นอย่างแท้จริง ก็ไม่ใช่ว่ามันจะอบอุ่นจากหัวใจซะหน่อยใช่มั้ยละ...ซึ่งดูๆไปมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรขึ้นมาเลยอ่ะนะ (สรุปง่ายๆ คือมันหนาว มันก็หนาวว่างั้น ทำไรก็ไม่ช่วยชิมะ)
++บอกถึงสิ่งที่ควรระวังใน fashion ฤดูหนาว
ดาย: พอใส่เสื้อผ้าหลายๆชิ้นเวลาที่เข้าไปอยู่ในห้องจะรู้สึกร้อนมากๆ ก็เข้าใจอยู่ข้างนอกจะต้องกันหนาว แต่เวลาที่อยู่ข้างในก็ขอให้ใส่เสื้อผ้าบางๆอย่างนี้จะดีกว่านะ
++บอกถึงความคิดที่หวนรำลึกถึงปี 2001
ดาย: เร็วจังเลยนะ! แต่ก็เต็มไปด้วยเนื้อหาสาระ คิดว่าเป็น 1 ปีที่ดีมาก
++บอกถึงโครงการอนาคตในปี 2002
ดาย: ถ้าทุกคนมีชีวิตที่แข็งแรงก็ดีไม่ใช่เหรอ?
เมาและมึนกับพี่ดาย พักยกก่อน และจะหามาเพิ่ม...รู้สึกรักพี่ดายมากขึ้นใช่ม้า~...(หรือเปล่าหว่า)...555+
.........................
credit : วารสารเลเต้ ขอบคุณค่า~
No comments:
Post a Comment